เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวลือหนาหูในโลกโซเชียลมีเดียบอกว่า เมนูหมูย่างเกลือ ของร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังอย่าง โอโตยะ สาขาเดอะมอลล์ บางแค พบมีพยาธิปนเปื้อน ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ถึงขั้นว่ามีการ 'ท้าดวล' ให้เก็บตัวอย่างจากชิ้นเนื้อหมูดังกล่าวไปตรวจในห้องแล็บ!
งานนี้ อำไพพรรณ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ แบรนด์ โอโตยะ ออกโรงตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงให้หายข้องใจ กรณีที่มีลูกค้าร้องเรียนพบสิ่งแปลกปลอมในอาหาร โดยเธอพร้อมนักวิชาการที่เกี่ยวข้องต่างยืนยันว่าอาหารของร้านโอโตยะทุกสาขาในประเทศไทย มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคแน่นอน
การันตีด้วยผลการตรวจสอบจากห้องแล็บ ว่าไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด สิ่งที่เห็นกันในภาพนั้น เป็นเพียงเส้นเลือดที่สามารถพบได้ในเนื้อหมูสันนอก ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และต่อไปนี้ คือบทสัมภาษณ์ยืนยันความจริงใจจาก อำไพพรรณ หัวเรือใหญ่ของโอโตยะ พร้อมแล้ว...ล้อมวงมาอ่านกันเลย

Q : เหตุการณ์กรณีลูกค้าร้องเรียน เกิดขึ้นอย่างไร
จากเหตุการณ์ที่ลูกค้าได้เข้ารับประทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นโอโตยะ สาขาเดอะมอลล์ บางแค เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2558 พบสิ่งผิดปกติในเนื้อหมู จนเกิดข้อร้องเรียนในกระแสโซเชียลมีเดียนั้น ทางบริษัทฯ รับทราบปัญหามาโดยตลอด และได้เร่งประสานขอพบกับลูกค้า เพื่อติดต่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษลูกค้า และพร้อมแสดงความรับผิดชอบ
ในขณะเดียวกันก็มีการอธิบายให้กับลูกค้าทราบว่ามันเป็นไปได้ยากมากที่จะมีพยาธิในเนื้อหมูของเรา เนื่องจาก บริษัท เบทาโกร ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเนื้อหมู S-Pure ที่ร้านโอโตยะ นำมาประกอบอาหารดังกล่าวนั้น มีขั้นตอน และมาตรฐานสูง ทั้งในการเลี้ยง แปรรูป และจัดส่ง รวมทั้งกรรมวิธีการเก็บรักษาวัตถุดิบของโอโตยะก็ปฏิบัติตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น

แต่ทางลูกค้าแจ้งว่า ต้องการนำชิ้นส่วนอาหารไปตรวจพิสูจน์ และยืนยันว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมแน่นอน ซึ่งเราก็ยอมให้เขานำไปตรวจ และทางเราเองก็แจ้งความจำนงขอแบ่งชิ้นส่วนอาหารไปตรวจในสถาบันตรวจสอบอีกทางหนึ่ง โดยได้นำเนื้อหมูชิ้นเดียวกับที่นำไปใช้ประกอบอาหารเสิร์ฟให้ลูกค้า ไปตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบในห้องแล็บปรากฏว่า ไม่พบสิ่งผิดปกติที่เป็นอันตราย เป็นเพียงเส้นเลือดที่สามารถพบได้ในเนื้อหมูสันนอก
จากนั้น เราก็ได้พยายามติดต่อลูกค้าเพื่อที่จะแจ้งอธิบายผลการตรวจสอบ และขอร้องให้ลูกค้านำผลการตรวจสอบของเขาเองมายืนยันกับเรา แต่เขาก็ไม่ติดต่อมา จากนั้นก็เริ่มมีการส่งต่อข้อความต่างๆ ในช่องทางโซเชียลมีเดีย ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ดังนั้น เราเองพอเห็นข่าวนี้แพร่ออกไป เราก็รอไม่ได้ ทางฝ่ายลูกค้าก็ไม่ได้มีการแจ้งผลการตรวจสอบของเขากลับมา ทางเราจึงจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริง
Q : ในกระแสโซเชียลมีการด่าทอใช้ถ้อยคำรุนแรงเกี่ยวกับกรณีนี้ มันบั่นทอนกำลังใจไหม
ก็ไม่ใช่บั่นทอน แต่แน่นอนว่าเราได้รับผลกระทบ คือทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็มีการติดต่อลูกค้าตลอด ติดต่อทาง S-Pure เพื่อให้มาชี้แจงข้อเท็จจริง คือก็ยอมรับว่าปัจจุบันนี้โซเชียลมีเดียมีการแพร่กระจายเร็วมาก ก็…เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราก็คิดว่าอาจจะเป็น case study ให้กับหลายๆ ท่านว่าก่อนที่เราจะแชร์อะไรไปในโซเชียลมีเดีย ก็อาจต้องพิจารณาให้แน่ใจก่อนว่าสิ่งที่แชร์ออกไปเป็นความจริงแน่นอน เพราะบางครั้งในการแชร์ข้อมูลผิดๆ ออกไป ก็อาจจะสร้างผลกระทบหรือสร้างความเสียหายให้กับคนใดคนหนึ่งได้
Q : เหมือนพอมีข่าวแย่ๆ ออกไปในโซเชียลมีเดีย คนก็พร้อมที่จะเชื่อทันที?
มันก็เป็นกระแสของโลกปัจจุบันนะ ที่คงจะห้ามยาก แต่ถ้าเรามีโอกาส มีพื้นที่ที่จะได้พูดกับผู้บริโภค เราก็อยากจะบอกว่า คือสื่อเดี๋ยวนี้มันไปเร็วมาก ถ้าเราต้องการจะแชร์อะไรสักอย่างขอให้เรามั่นใจว่าสิ่งนั้นมันเป็นข้อเท็จจริง ก็อาจจะอ่านแล้วยั้งไว้ก่อนนิดนึง พิจารณาว่ามันใช่หรือเปล่า เป็นการป้องกันผลเสียหรือผลกระทบที่จะตามมาค่ะ
http://www.thairath.co.th