Wednesday, August 19, 2015

Unknown

ตำรวจจำลองเหตุโยนบึมท่าสาทร-เร่งสูบน้ำหาหลักฐานเพิ่ม

ตร.สน.ยานนาวา จำลองเหตุโยนบึมท่าเรือสาทร พร้อมประสานฝ่ายโยธาเขตสาทร นำกระสอบทรายมากั้นพื้นที่ในจุดที่ระเบิดตก พร้อมใช้เครื่องสูบน้ำเร่งสูบน้ำออกแม่น้ำเจ้าพระยา ควานหาหลักฐานเพิ่มเติม...

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2558 พ.ต.อ.สัญชัย มาตรคำจันทร์ รองผกก.สส.สน.ยานนาวา พร้อม พ.ต.ท.ธรรศพงศ์ พัฒนกิตติสกุล สวป.สน.ยานนาวา นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสายตรวจเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิด ภายในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ใกล้เคียงสถานีบีทีเอสตากสินและท่าเรือสาทรอีกครั้ง เพื่อช่วยกันหาพยานและหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด โดยตำรวจได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตสาทรเข้าร่วมหาหลักฐาน โดยการช่วยสูบน้ำในจุดที่ระเบิดตกด้วย

ต่อมาเมื่อเวลา 13.20 น. พ.ต.ท.สัญชัย สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจำลองสถานการณ์เป็นคนร้าย 2 คน ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ วิ่งขึ้นสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินบริเวณช่องทางเดินรถด้านขวาสุด ใช้ความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนชะลอให้คนซ้อนท้ายโยนขวดน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร จากบนสะพานลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งการจำลองเหตุการณ์นี้ปฏิบัติซ้ำเช่นเดียวกันถึง 2 ครั้ง บนสะพานทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก เพื่อให้พนักงานสอบสวนใช้กล้องวิดีโอและกล้องถ่ายภาพบันทึกเอาไว้ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ขณะที่ นายประภัสสร กุหลาบ หัวหน้าฝ่ายโยธาสำนักงานเขตสาทร กล่าวว่า ได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวนให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา ประมาณ 30 คน พร้อมกระสอบทรายและเครื่องสูบอีก 5 ตัว มากั้นแนวเขตในน้ำช่วงที่ระเบิดตกลงมาจนทำงานเต็มระบบ โดยวางรัศมีกระสอบทรายไว้เป็นวงกว้าง 30 เมตร สูง 5 เมตร ก่อนทำการสูบน้ำออกเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม คาดว่าเวลา 16.00 น. วันนี้น่าจะสูบน้ำออกได้หมดหากไม่พบอุปสรรค และเมื่อน้ำในแนวกระสอบทรายถูกสูบออกหมดแล้ว จะรีบแจ้งพนักงานสอบสวนติดตามชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและกองพิสูจน์หลักฐานเดินทางมาตรวจสอบซ้ำต่อไป

ด้าน นายอุทัย ใจเย็น อายุ 58 ปี ผู้ให้บริการเรือหางยาวล่องแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าเรือสาทรเล่าว่า เมื่อวานตอนเกิดเหตุตนยืนอยู่ใต้เสาตอม่อห่างจุดระเบิดตกเพียง 20 เมตร พอระเบิดทำงานได้ยินเสียงดังสนั่นจนหูอื้อ ตามด้วยน้ำสาดกระเซ็นขึ้นมาจนเปียกไปทั้งตัว ทั้งนี้มีสะเก็ดลูกปืนลอยมาทางตนด้วย 5-6 เม็ด โชคดีไม่ถูกตัวจึงไม่เป็นอันตราย แต่สงสารนักท่องเที่ยวสาวชาวจีน 2 ราย ที่เดินอยู่ในคลิปพอระเบิดลง ก็ขวัญเสียวิ่งหนีหายไปอย่างไม่คิดชีวิตในสภาพเนื้อตัวเปียกปอน ซึ่งการก่อการครั้งนี้ตนเชื่อว่าคนร้ายมุ่งทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวจีนแน่นอน เพราะจุดขึ้นลงบีทีเอสและท่าเรือสาทรตรงนี้มีชาวจีน สิงคโปร์ และไต้หวันมาใช้บริการมากกว่าชาติอื่นๆ ประกอบกับห้วงเวลาที่เกิดเหตุจะเป็นเวลาที่ชาวต่างชาติมาใช้บริการกัน ทั้งนี้ ในช่วงเช้าเเละเย็นนั้นก็มีคละกันไปส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่เดินทางไป-กลับจากที่ทำงาน บ้างก็มีนักศึกษาเดินทางไปเรียนหนังสือ "หากจะให้ประมาณผู้ผ่านไปมาในย่านนี้ ตนเชื่อว่าในวันปกติมีถึง 10,000 คน สัดส่วนระหว่างคนไทยกับต่างชาติครึ่งต่อครึ่ง ยิ่งเป็นวันหยุดหรือช่วงที่เอเชียทีคจัดงาน จะมีเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ปกติตนจะได้รับการว่าจ้างจากนักท่องเที่ยว วันละราว 50-60 คน พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาแล้ว วันนี้มีลูกค้ายังไม่ถึง 30 คน โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนและเอเชียเห็นเดินผ่านไปมากันน้อยมาก หลายรายเดินผ่านจุดนี้ด้วยสายตาแสดงความหวาดระแวง คาดว่าคงกลัวผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว" ผู้ให้บริการเรือหางยาวล่องแม่น้ำเจ้าพระยากล่าว

มื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. จัดส่งเจ้าหน้าที่อีโอดี จำนวน 3 นาย มาสังเกตการณ์ในที่เกิดเหตุ ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่กทม. สูบน้ำในวงล้อมที่กั้นไว้ออกให้หมด ก่อนนำตะแกรงลงไปร่อนหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยในส่วนของหลักฐานกล้องวงจรปิดที่ฝ่ายสืบสวนกำลังหาอยู่นั้น พบว่าบนสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมีกล้องวงจรปิดอยู่ 1 ตัว ในฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนวิทยุ แต่กล้องตัวดังกล่าวกลับไม่ได้หันไปยังทิศทางที่คนร้ายหย่อนระเบิดลงสู่พื้นเบื้องล่าง จึงต้องใช้แนวทางการจำลองสถานการณ์โดยให้ฝ่ายสืบสวนแสดงท่าทีเป็นคนร้าย เพื่อประเมินพฤติกรรมและวิถีการโยนระเบิด ก่อนแบ่งกำลังไล่เช็กกล้องวงจรปิดในละเเวกใกล้เคียง เพื่อหาเบาะแสตามจับกุมตัวต่อไป.
http://www.thairath.co.th