จากกรณีเหตุระเบิดที่บริเวณท่าเรือสาทร ใต้รถไฟฟ้าบีทีเอาสะพานตากสิน ซึ่งเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่
18 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 ส.ค. เจ้าหน้าที่สำนักงานการระบายน้ำ
กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตสาธร และสำนักงานเขตบางรัก นำกระสอบทราย
ประมาณ 1000 กระสอบ เพื่อเตรียมทำแนวกั้นน้ำสองฝั่ง และจะนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 5 ตัว
สามารถ
ผันน้ำกว่า 400 ลูกบาตรเมตร ออกจากพื้นที่ที่กั้นไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจ
พิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บ
วัตถุพยานหลัก
ฐานที่เป็นชิ้นส่วนของวัตถุระเบิดดังกล่าวเพิ่มเติม
นายประภัสสร กุหลาบ หัวหน้าฝ่ายโยธา เขตสาทร กล่าวถึงวิธีการสูบน้ำออกจากพิ้นที่ระเบิดบริเวณ
ท่าเรือสาทร ว่า การสูบน้ำออกดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดี ตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สน.ยานนาวา ลงตรวจสอบพื้นที่ใต้น้ำอย่างละเอียดเพื่อเก็บวัตถุพยานหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากที่เมื่อ
วาน(18 ส.ค.) เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดี และกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจพบเศษโลหะ ฝาโลหะแบบเกลียว
และลูกปืนเหล็ก คล้ายลูกปืนล้อรถจักรยาน โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ต้องรอน้ำลง เมื่อระดับน้ำลดลงถึง
ระดับ 60 เซนติเมจร จะมีการนำกระสอบทราย บล็อคเป็นแนวกำแพงติดกับตอม้อรถไฟฟ้าบีทีเอส ก่อน
จะสั่งปิดประตูระบายน้ำ หลังจากนั้นจะสูบน้ำ ให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งอาจจะมีการขุดหลุมเพื่อให้
น้ำลงไปรวมกัน ก่อนที่จะสูบให้หมด หลังจากนั้นชุดอีโอดีจะลงสู่พื้นที่ประตูน้ำคลองสาทร เพื่อเก็บ
หลักฐานที่ยังหลงเหลืออยู่ และจะให้เสร้จ สิ้นภายในเวลา 17.00 น.ของวันนี้(19 ส.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (กก.2
บก.ป.) ยังได้ร่วมลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดในการติดตามตัวคนร้าย ซึ่งทำงานควบคู่กับ
ตำรวจนครบาล ก่อนจะอธิบายถึงวิถีการปาระเบิดของผู้ก่อเหตุบริเวณท่าเรือสาทร ว่า ตอนนี้มีรูปแบบอยู่
2 รูปแบบ รูปแบบที่ 1 คือมาทางสะพานขาเข้ากรุงเทพมหานคร และจอดรถที่เลนซ้ายสุด ก่อนจะเดิน
ลงมาที่สะพานลอยเชื่อมและปาระเบิดลงมา เนื่องจากภาพวงจรปิดบริเวณบีทีเอสสะพานตากสินสามารถ
จับภาพได้เพียงแค่ 2 เลนด้านขวาเท่านั้น ส่วนประเด็นที่ 2 คือทางสะพานมุ่งสู่ฝั่งธน โดยนั่งอยู่ในรถมา
แล้วปาระเบิดจากในรถลงมา ทั้งนี้ยังสันนิษฐานได้อีกว่าถึงแม้กล้องวงจรปิดสามารถมองเห็นถนนทุก
เลน แต่ก็อาจมีจุดบอดที่ลงมือได้ ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ต้อง รอการตรวจสอบ
อย่างละเอียดอีกครั้ง ต่อมาเวลาประมาณ 13.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.สัญชัย มาตร์คำจันทร์ รอง
ผกก.สส.สน.ยานนาวา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา ลงพื้นที่จำลองเหตุการณ์
ปาระเบิด ซึ่งภายหลัง การทดสอบ พ.ต.ท.สัญชัย ระบุว่า ตำรวจได้ใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งคาดว่าเป็นยาน
พาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 60 - 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนโยนขวดน้ำ ลง
มาจากด้านบนของ สะพานตากสิน โดยโยนทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อทดสอบทิศทางที่คนร้ายก่อเหตุ
และใกล้เคียงกว่า แต่ทั้งนี้ยังไม่ด่วนสรุปว่าคนร้ายโยนระเบิดจากสะพานตากสินขาเข้า เนื่องจากต้องนำ
ผลจำลองเหตุการณ์ไปเปรียบเทียบกับภาพจากกล้องวงจรปิดด้านบนของสะพานอีกครั้ง ก่อนนำผลดัง
กล่าว เรียนผู้บังคับบัญชาต่อไป
http://www.bangkokbiznews.com